FAQ : คำถามที่พบบ่อย
ผู้นำ Solutions ทางด้านอุตสาหกรรมพลาสติก
Plastic Compounds
FAQ: รวมคำถามที่ลูกค้าถามเกี่ยวกับ เม็ดพลาสติก TPE
เม็ดพลาสติก TPE มีเกรดอะไรบ้าง และควรเลือกใช้แบบไหน?
เม็ด TPE ใช้แทนยางธรรมชาติหรือซิลิโคนได้หรือไม่?
TPE สามารถใช้แทนยางธรรมชาติหรือซิลิโคนได้ในหลายกรณี โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความยืดหยุ่น สัมผัสนุ่ม และกระบวนการผลิตที่รวดเร็ว ข้อดีของ TPE คือขึ้นรูปง่ายด้วยวิธีฉีดหรือรีด (ไม่ต้องผ่านกระบวนการบ่มเหมือนยาง), น้ำหนักเบา, รีไซเคิลได้ และมีต้นทุนที่คุ้มค่ากว่าในบางกรณี ขณะที่ซิลิโคนจะเหมาะกับงานที่ต้องการความทนร้อนสูงหรือความเฉื่อยทางเคมีเป็นพิเศษ ส่วนยางธรรมชาติมีข้อจำกัดเรื่องอายุการใช้งานและการต้านทานสารเคมีน้อยกว่า TPE
TPE เหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรมใดบ้าง?
TPE เหมาะกับหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ ของเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือแพทย์ บรรจุภัณฑ์ และสินค้าอุปโภคบริโภค
มีเม็ดพลาสติก TPE ที่ได้รับมาตรฐาน FDA, RoHS, REACH หรือไม่?
เม็ด TPE ของเราทุกเกรดผ่านการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดและเป็นไปตามข้อกำหนดของ RoHS และ REACH ทั้งหมด และสำหรับการใช้งานที่ต้องการสัมผัสอาหารหรือทางการแพทย์ เรามีเกรดที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน FDA และสามารถจัดเตรียมเอกสารรับรอง (Certificate) ให้ตามความต้องการของลูกค้าได้
สามารถใช้ TPE ในงานที่ต้องสัมผัสอาหารหรือเครื่องมือแพทย์ได้หรือไม่?
สามารถใช้ได้ โดยเลือกเกรด TPE ที่ได้รับการรับรอง FDA หรือ Medical Grade ซึ่งผ่านข้อกำหนดเรื่องความปลอดภัยต่อการสัมผัสโดยตรง
สามารถใช้ TPE ในการฉีดขึ้นรูป (Injection Molding) และรีดขึ้นรูป (Extrusion) ได้หรือไม่?
TPE สามารถใช้งานได้ทั้งกระบวนการฉีดขึ้นรูป (Injection Molding) และรีดขึ้นรูป (Extrusion) โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ยุ่งยาก เช่นการขึ้นรูปพลาสติกทั่วไป ทั้งนี้ ควรเลือกเกรดที่เหมาะสมกับแต่ละกระบวนการ เช่น เกรดที่มีความไหลตัวดีและเย็นตัวเร็วสำหรับการฉีดขึ้นรูป และเกรดที่มีความเสถียรในการหลอมสำหรับการรีดขึ้นรูป เพื่อให้ได้คุณภาพชิ้นงานที่สม่ำเสมอและประสิทธิภาพในการผลิตที่ดีที่สุด
มีสีมาตรฐานของเม็ดพลาสติก TPE หรือสามารถปรับแต่งสีตามต้องการได้หรือไม่?
TPE ของเรามีสีพื้นฐาน ได้แก่ สีขาวธรรมชาติ (Natural White), สีใส, สีกึ่งใส และสีดำ และสามารถปรับแต่งสีพิเศษตามความต้องการของลูกค้าได้ โดยสามารถให้ทางเราช่วยจับคู่สี (Color Matching) หรือจัดเตรียมแม่สี (Masterbatch) เพื่อใช้ร่วมในกระบวนการผลิตตามความสะดวกของลูกค้า
สามารถผสมเม็ด TPE กับวัสดุอื่น เช่น PP หรือ ABS ได้หรือไม่?
TPE บางเกรดของเราสามารถยึดเกาะหรือร่วมใช้งานกับวัสดุอย่าง PP, PS, ABS ได้ดี โดยเฉพาะในงาน Co-injection หรือ Overmolding
มีขั้นต่ำในการสั่งซื้อเม็ดพลาสติก TPE หรือไม่?
ขั้นต่ำในการสั่งซื้อขึ้นอยู่กับเกรดและสูตร หากเป็นเกรดมาตรฐานสามารถสั่งซื้อได้ในปริมาณไม่สูงมาก แต่หากเป็นสูตรเฉพาะอาจมีขั้นต่ำตามที่กำหนด
มีบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกเกรดของ TPE ให้เหมาะกับการใช้งานหรือไม่?
เรามีบริการให้คำปรึกษาโดยทีมเทคนิคและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยเลือกเกรดที่เหมาะสมกับงานของคุณทั้งด้านคุณสมบัติและต้นทุน
ใช้เวลากี่วันในการนำเข้าและจัดส่งเม็ดพลาสติก TPE?
ระยะเวลาจัดส่งขึ้นอยู่กับสต็อกสินค้า หากทางเรามีของพร้อมส่งใช้เวลา 1–3 วันทำการ แต่หากเป็นเกรดสั่งผลิตหรือต้องนำเข้าอาจใช้เวลาประมาณ 2–6 สัปดาห์
มีตัวอย่าง (Sample) ให้ทดลองก่อนสั่งซื้อจริงหรือไม่?
คุณสามารถขอตัวอย่างสำหรับทดลองใช้งานเบื้องต้นได้ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าตรงตามความต้องการของคุณ
หากต้องการสูตรพิเศษของ TPE เช่น กันไฟฟ้าสถิต (Anti-static), ทนไฟ (Flame Retardant), ทนสารเคมี สามารถจัดหาได้หรือไม่?
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.
ขึ้นรูปพลาสติก
FAQ: รวมคำถามที่ลูกค้าถามเกี่ยวกับการฉีดขึ้นรูปพลาสติก
วัสดุที่สามารถใช้ในการฉีดพลาสติก (injection molding) มีอะไรบ้าง?
วัสดุที่นิยมใช้ในการฉีดพลาสติก (injection molding) ได้แก่
PVC Compound – เหมาะกับงานทั่วไปที่ต้องการความแข็งแรงและความยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง
เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastics) – เช่น ABS, PP, PE, PA ที่สามารถขึ้นรูปได้ดีและนำกลับมารีไซเคิลได้
พลาสติกวิศวกรรม (Engineering Plastics) – เช่น PC, PBT, POM, PA6, PA66 เหมาะกับงานที่ต้องการคุณสมบัติทางกลหรือความทนทานสูง เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า
จำเป็นต้องมีแม่พิมพ์ (Mold) มาก่อนหรือไม่? บริษัทสามารถออกแบบให้ได้หรือเปล่า?
ลูกค้าสามารถใช้บริการของเราได้ทั้งในกรณีที่มีแม่พิมพ์อยู่แล้ว หรือยังไม่มีแม่พิมพ์ก็ได้
หาก มีแม่พิมพ์อยู่แล้ว: สามารถส่งแม่พิมพ์มาให้เราใช้ในการผลิตชิ้นงานได้ทันที
หาก ยังไม่มีแม่พิมพ์: ทางบริษัทสามารถให้คำปรึกษา ออกแบบ และผลิตแม่พิมพ์ใหม่ให้ได้ตามแบบหรือตามแนวคิดของลูกค้า พร้อมบริการฉีดขึ้นรูปพลาสติกครบวงจร
ค่าใช้จ่ายในการสร้างแม่พิมพ์อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่?
โดยทั่วไป ค่าใช้จ่ายในการสร้างแม่พิมพ์สำหรับฉีดพลาสติกจะเริ่มต้นที่ประมาณ 100,000 บาท ทั้งนี้ ราคาขึ้นอยู่กับ ความซับซ้อนของแบบชิ้นงาน, ขนาดของแม่พิมพ์, รวมถึงวัสดุที่ใช้ในการผลิตแม่พิมพ์ด้วย เรายินดีให้คำปรึกษาและเสนอราคาประเมินเบื้องต้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
สามารถรองรับการผลิตในปริมาณน้อย (Low-volume production) ได้หรือไม่?
บริษัทสามารถรองรับการผลิตในปริมาณน้อย โดยมีจำนวนขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 500 ชิ้น
ในกรณีที่ลูกค้าเลือกใช้แม่พิมพ์ที่บริษัทมีอยู่แล้ว (Common Mold) หรือมีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการทำแม่พิมพ์ ทางเราสามารถเริ่มการผลิตได้โดยไม่จำเป็นต้องสั่งในปริมาณมาก
บริการนี้เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการทดลองตลาด สร้างสินค้าในล็อตแรก หรือผลิตแบบ Made-to-order สำหรับสินค้าพิเศษ
ระยะเวลาการผลิตตั้งแต่เริ่มออกแบบจนถึงส่งมอบสินค้าคือเท่าไหร่?
ระยะเวลาการผลิตขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าเลือกใช้แม่พิมพ์ที่มีอยู่แล้วหรือมีความจำเป็นต้องสร้างแม่พิมพ์ใหม่ ดังนี้:
กรณีใช้แม่พิมพ์ที่บริษัทมีอยู่แล้ว (Common Mold):
ระยะเวลาการผลิตชิ้นงานอยู่ที่ประมาณ 15 วันทำการกรณีต้องสร้างแม่พิมพ์ใหม่:
ระยะเวลาในการออกแบบ สร้างแม่พิมพ์ และผลิตชิ้นงาน อยู่ที่ประมาณ 45 วันทำการ
ทีมงานของเราจะประสานงานและรายงานความคืบหน้าในแต่ละขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าจะถูกส่งมอบตรงตามเวลาและมาตรฐานที่กำหนด
มีบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกวัสดุและกระบวนการผลิตหรือไม่?
เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาอย่างครบวงจร ทั้งในด้าน การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งาน, การออกแบบชิ้นงานสอดคล้องกับการผลิต, ไปจนถึง การเลือกกระบวนการผลิตที่สอดคล้องกับงบประมาณและคุณภาพที่ต้องการ
ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นไอเดียหรือมีแบบร่างเบื้องต้นแล้ว ทีมเราพร้อมสนับสนุนให้คุณพัฒนาโปรเจกต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ต้นจนจบ
FAQ: รวมคำถามที่ลูกค้าถามเกี่ยวกับการรีดขึ้นรูปพลาสติก
วัสดุที่สามารถใช้ในกระบวนการรีดขึ้นรูปพลาสติกมีอะไรบ้าง?
กระบวนการรีดขึ้นรูปพลาสติกทำงานอย่างไร?
ต้องมีแม่พิมพ์รีดขึ้นรูป (Extrusion Die) มาก่อนหรือสามารถออกแบบให้ใหม่ได้?
ค่าใช้จ่ายในการออกแบบและสร้างแม่พิมพ์รีดขึ้นรูปอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่?
มีข้อจำกัดเกี่ยวกับความยาวของชิ้นงานที่สามารถผลิตได้หรือไม่?
งานรีดขึ้นรูปพลาสติกเหมาะกับอุตสาหกรรมใดบ้าง?
มีบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกวัสดุและกระบวนการผลิตหรือไม่?
FAQ: รวมคำถามที่ลูกค้าถามเกี่ยวกับการผลิตกระปุกยาดม
กระปุกยาดมที่ผลิตสามารถใช้พลาสติกประเภทใดได้บ้าง?
มีสีของกระปุกให้เลือกกี่สี? สามารถสั่งสีพิเศษได้หรือไม่?
การใช้ Common Mold ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างไร?
มีขั้นต่ำในการสั่งผลิตกระปุกยาดมหรือไม่?
สามารถผลิตกระปุกยาดมแบบกำหนดโลโก้หรือแบรนด์ของตัวเองได้หรือไม่?
มีบริการพิมพ์ฉลากหรือสกรีนโลโก้ลงบนกระปุกยาดมหรือไม่?
Packaging Solution
FAQ: รวมคำถามที่ลูกค้าถามเกี่ยวกับการผลิตฉลากฟิล์มหด
ฉลากฟิล์มหดผลิตจากวัสดุอะไร และมีคุณสมบัติอย่างไร?
ฉลากฟิล์มหด (Shrink Film Label) ผลิตจากพลาสติกคุณภาพสูง เช่น PVC และ PETG ซึ่งมีคุณสมบัติเด่น ได้แก่:
ยืดหยุ่นและหดตัวได้ดี สามารถแนบสนิทกับภาชนะทุกรูปทรง ทั้งแบบโค้งหรือซับซ้อนได้อย่างสวยงาม
พิมพ์ลวดลายได้คมชัด สีสันสดใส และติดทนนาน ไม่ลอกง่ายแม้ผ่านการขนส่งหรือจัดเก็บ
เสริมความปลอดภัยของสินค้า ช่วยป้องกันการเปิดใช้งานก่อนถึงมือผู้บริโภค และลดความเสี่ยงจากสินค้าปลอม
เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการทั้งความโดดเด่นด้านภาพลักษณ์ และการปกป้องผลิตภัณฑ์ในเวลาเดียวกัน
หากต้องการสั่งผลิตฉลากฟิล์มหด ต้องทำอย่างไร และมีจำนวนสั่งซื้อขั้นต่ำเท่าใด?
ขั้นตอนการสั่งผลิตฉลากฟิล์มหดกับ VIC มีดังนี้:
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเรา เพื่อเลือกวัสดุและแนวทางที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของคุณ
ส่งไฟล์ Artwork พร้อมข้อมูลของบรรจุภัณฑ์ เช่น ขนาด รูปทรง และชนิดวัสดุ
รับตัวอย่างฟิล์มหด สำหรับทดลองใช้งานจริงกับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจในความเข้ากัน
สรุปราคาและยืนยันการสั่งผลิต
เข้าสู่กระบวนการผลิตและจัดส่ง ภายในระยะเวลาที่ตกลงกันไว้
จำนวนสั่งซื้อขั้นต่ำ:
ระบบพิมพ์ดิจิตอล: 3,000 ชิ้น
ระบบพิมพ์กราเวียร์: 50,000 ชิ้น
หากคุณยังไม่มี Artwork หรือยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกวัสดุแบบไหน ทีมงาน VIC พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณในทุกขั้นตอน ตั้งแต่แนวคิดจนถึงงานสำเร็จรูป
การผลิตและจัดส่งฉลากฟิล์มหดใช้เวลานานเท่าใด?
ระยะเวลาการผลิตฉลากฟิล์มหดโดยทั่วไปอยู่ที่ 15–21 วันทำการ นับจากวันที่ได้รับ การอนุมัติแบบและไฟล์พร้อมพิมพ์ (Artwork Final)
ทั้งนี้ ระยะเวลาอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับ
ปริมาณการสั่งผลิต
ความซับซ้อนของแบบพิมพ์หรือเทคนิคที่ใช้
หากต้องการเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ สามารถปรึกษาทีมงานล่วงหน้าเพื่อจัดลำดับความสำคัญในการผลิตได้
ทางบริษัทมีบริการออกแบบฉลากฟิล์มหดหรือไม่ และใช้ระบบการพิมพ์แบบใดในการผลิต?
เราให้บริการออกแบบฉลากฟิล์มหดโดย ทีมกราฟิกมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์และเข้าใจเทคนิคเฉพาะของฉลากหด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม เข้ากับลักษณะบรรจุภัณฑ์ของคุณอย่างลงตัว
สำหรับระบบการพิมพ์ที่ใช้มี 2 ประเภท:
Gravure Printing – ระบบพิมพ์แบบแม่พิมพ์กราเวียร์ ให้สีสันคมชัด ต้นทุนต่อหน่วยต่ำ เหมาะกับงานปริมาณมาก
Digital Printing – ระบบดิจิทัลที่ยืดหยุ่น เหมาะสำหรับงานเร่งด่วนหรืองานในปริมาณน้อย โดยไม่ต้องทำแม่พิมพ์
คุณสามารถเลือกใช้ระบบพิมพ์ตามงบประมาณ ปริมาณการสั่ง และความต้องการเฉพาะของสินค้าได้อย่างอิสระ
ราคาฉลากฟิล์มหดคำนวณอย่างไร และมีเงื่อนไขการชำระเงินอย่างไร?
ราคาฉลากฟิล์มหดจะคำนวณจากหลายปัจจัยหลัก ได้แก่:
ประเภทของวัสดุที่เลือกใช้ เช่น PVC, PETG
ขนาดและรูปทรงของฉลาก
ระบบการพิมพ์ (Gravure หรือ Digital)
ปริมาณการสั่งผลิต ยิ่งสั่งจำนวนมาก ราคาต่อหน่วยจะยิ่งคุ้มค่า
ความซับซ้อนของงานออกแบบหรือเทคนิคพิเศษ
ทางบริษัทจะทำการเสนอราคาอย่างละเอียด หลังจากได้รับข้อมูลเบื้องต้นครบถ้วน เช่น ขนาด, ปริมาณ, และไฟล์ Artwork (หากมี)
ฉลากฟิล์มหดสามารถใช้กับผลิตภัณฑ์หรืออุตสาหกรรมใดได้บ้าง?
ฉลากฟิล์มหด (Shrink Film Label) เป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นและมีความหลากหลาย เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ในหลายอุตสาหกรรม ได้แก่:
สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ขวดน้ำดื่ม เครื่องดื่ม ของใช้ในครัวเรือน
สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม เช่น ขวดเซรั่ม หลอดครีม เครื่องสำอาง
อุตสาหกรรมเคมีและเวชภัณฑ์ เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด น้ำยาฆ่าเชื้อ เวชภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์พลาสติก
ด้วยคุณสมบัติที่สามารถแนบสนิทกับภาชนะหลากหลายรูปทรง ฉลากฟิล์มหดจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ที่ต้องการภาพลักษณ์ที่พรีเมียม พร้อมความปลอดภัยในบรรจุภัณฑ์
รองรับการผลิตแบบจำนวนน้อย (Low-volume production) หรือไม่?
รองรับครับ ทาง VIC เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าที่ต้องการ ทดสอบตลาด หรือ ทดลองแบบฉลากใหม่ ก่อนการผลิตจริงในปริมาณมาก เราจึงมีบริการ Digital Printing ที่สามารถพิมพ์ฉลากฟิล์มหดในปริมาณน้อยได้ โดยมีข้อดีคือ:
ไม่ต้องทำแม่พิมพ์โลหะ ลดต้นทุนเริ่มต้นและระยะเวลาเตรียมงาน
คุณภาพใกล้เคียงระบบกราเวียร์ เหมาะสำหรับงานตัวอย่าง หรืองานสั่งผลิตจำกัดจำนวน
เหมาะสำหรับธุรกิจเริ่มต้น หรือโปรเจกต์เฉพาะกิจที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง
ลูกค้าสามารถเริ่มต้นโปรเจกต์ได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องลงทุนสูงตั้งแต่แรก