ในสายงานผลิตชิ้นงานพลาสติก เรามักต้องเจอกับสถานการณ์ที่ได้รับชิ้นงานต้นแบบมา แต่ไม่รู้ว่าวัสดุที่ใช้นั้นคืออะไร จะเริ่มต้นโปรเจกต์ใหม่ก็ไม่สามารถ วิเคราะห์ แยกแยะ หรือตรวจสอบชนิดของพลาสติกได้
หากเลือกผิด… อาจเจอกับปัญหา “ผลิตแล้วไม่ได้คุณภาพ เสียเงิน เสียเวลา และเสียโอกาส”
วิธีแยกประเภทพลาสติกแบบง่าย ๆ ที่หลายคนเคยใช้
แม้ว่าจะไม่มีเครื่องมือแพง ๆ ในห้องแล็บ แต่หลายคนก็พยายามใช้ “วิธีบ้าน ๆ” เพื่อเดาวัสดุพลาสติกเบื้องต้น ซึ่งบางครั้งก็ช่วยให้ตัดสินใจได้ไวขึ้นในหน้างาน เช่น
1. การเผาไฟ (Burn Test)
หลักการ: พลาสติกแต่ละชนิดจะให้ลักษณะการเผาไหม้ กลิ่น และควันแตกต่างกัน
ชนิดพลาสติก | ติดไฟง่าย | สีของไฟ | กลิ่น | ควัน |
PP (Polypropylene) | ง่าย | เหลืองอ่อน | กลิ่นน้ำมัน | น้อย |
PE (Polyethylene) | ง่าย | เหลือง | กลิ่นขี้ผึ้งไหม้ | น้อย |
PVC (Polyvinyl Chloride) | ยาก | สีเขียว-เหลือง | กลิ่นฉุนคลอรีน | ควันดำเยอะ |
PS (Polystyrene) | ง่าย | สีน้ำเงินอมเหลือง | กลิ่นหวานคล้ายสไตรีน | ควันดำมาก |
ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene) | ง่าย | เหลืองส้ม | กลิ่นยางไหม้ | ควันดำ |
ข้อควรระวัง: การเผาอาจปล่อยสารพิษ (โดยเฉพาะ PVC) ไม่แนะนำให้ทำในที่อับ หรือใกล้ผู้คน
2. การดมกลิ่น (Smell Test)
หลักการ: พลาสติกบางชนิดจะมีกลิ่นเฉพาะ แม้ไม่ได้เผา เช่น
- PVC: กลิ่นคล้ายดอกดาวเรือง (Marigold-Like Smell)
- PVC: กลิ่นฉุน กลิ่นกรดเกลือ
- ABS: มีกลิ่นยางไหม้แม้เพียงเสียดสีกับของแข็ง
- PS: มีกลิ่นหวาน ๆ คล้ายพลาสติกหุ้มถาดอาหารสำเร็จรูป
- PMMA, UP : กลิ่นผลไม้ (Fruity)
แต่หากพลาสติกผสมสารแต่งกลิ่นหรือผ่านกระบวนการผลิตหลายขั้น กลิ่นอาจหลอกได้ง่าย
3. ทดสอบการลอยน้ำ (Density Test)
หลักการ: พลาสติกแต่ละชนิดมีความถ่วงจำเพาะไม่เท่ากัน เมื่อนำชิ้นเล็ก ๆ หย่อนลงในน้ำ จะ “ลอย” หรือ “จม” ต่างกัน
ชนิดพลาสติก | ลอย/จมในน้ำ |
PP | ลอยน้ำ |
PE | ลอยน้ำ |
PVC | จมน้ำ |
ABS | จมน้ำ |
PA6/PA66 (ไนลอน) | จมน้ำ |
ใช้น้ำเปล่าเป็นเบส และอาจเติมน้ำเกลือเพื่อปรับค่าความถ่วงจำเพาะให้เทียบเคียงได้ชัดเจนขึ้น
4. การกัด บีบ หัก หรือยืด (สัมผัสฟีลวัสดุ)
หลักการ: ความยืดหยุ่น ความแข็ง หรือการแตกหักของพลาสติกแต่ละชนิดมีเอกลักษณ์ เช่น:
- PE/PP: ยืดหยุ่นสูง ดึงแล้วโค้งงอได้โดยไม่หักง่าย
- PS: เปราะและแข็งมาก หักปุ๊บแตกเลย
- ABS: แข็งแต่เหนียว ไม่หักง่ายเหมือน PS
- PVC: หากเป็นแบบแข็งจะงอได้น้อย ถ้าเป็น Soft PVC จะนิ่มมากและยืดหยุ่นดี
ใช้คู่กับการสังเกตสีผิว ความใส และความเงาของวัสดุ จะช่วยตัดสินใจได้แม่นขึ้น
ข้อจำกัด
- วัสดุบางชนิดมีการ ผสมสาร Additive หรือพลาสติกหลายชนิด ซึ่งทำให้วิเคราะห์แบบบ้าน ๆ ผิดเพี้ยน
- สี กลิ่น และลักษณะภายนอกอาจถูก เคลือบ หรือปรับแต่ง ให้หลอกตา
- ไม่มีมาตรฐานวัดผล ทำให้เกิดความ ไม่แน่นอน และไม่สามารถใช้ในระดับอุตสาหกรรมได้
FTIR คืออะไร? ทำไมถึงตอบโจทย์การตรวจวัสดุพลาสติก?
ที่ VIC เรามีบริการตรวจสอบชนิดของพลาสติกด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า FTIR (Fourier Transform Infrared Spectroscopy) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้วิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลของพลาสติกอย่างละเอียด
จุดเด่นของ FTIR ที่เหนือกว่า
- วิเคราะห์ได้แม่นยำแม้มีการผสมหลายชนิดในชิ้นเดียว
- ไม่ต้องเผา ไม่ทำลายชิ้นงาน
- ใช้ตัวอย่างน้อย ตรวจได้รวดเร็ว
- อ่านค่าได้ชัดเจนด้วยกราฟสเปกตรัมอินฟราเรด
เหมาะกับใครบ้าง?
บริการนี้เหมาะสำหรับ:
- วิศวกรจัดซื้อ ที่ต้องสั่งผลิตงานใหม่จากชิ้นงานเก่า แต่ไม่แน่ใจว่าวัสดุคืออะไร
- ฝ่าย R&D ที่กำลังเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์
- ผู้ผลิต OEM หรือช่างฉีดพลาสติก ที่ต้องตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบก่อนขึ้นรูปจริง

ทำไมต้องตรวจวัสดุที่ VIC?
ที่ VIC เราไม่ใช่แค่ “ผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติก” แต่คือ “ที่ปรึกษาด้านวัสดุพลาสติกครบวงจร”
เรามีทั้งเครื่องมือ FTIR และทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำ ช่วยให้คุณ เริ่มโปรเจกต์ได้เร็วขึ้น ลดความผิดพลาด และควบคุมคุณภาพได้ดีขึ้น
ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีในอุตสาหกรรมพลาสติก พร้อมบริการด้าน R&D, Injection, Extrusion และการพัฒนาสูตรเฉพาะ เราสามารถแนะนำวัสดุทดแทนที่ใกล้เคียง หรือดีกว่าของเดิมได้อีกด้วย
สรุป
การรู้จักวัสดุที่ใช้อย่างแม่นยำตั้งแต่ต้นคือ จุดเริ่มต้นของการผลิตที่ประสบความสำเร็จ
หากคุณมีชิ้นงานต้นแบบ แต่ไม่แน่ใจว่าวัสดุคืออะไร
อย่าเสี่ยง “ลองผิดลองถูก” อีกต่อไป
📌 ส่งชิ้นงานมาให้เราวิเคราะห์ได้เลยวันนี้
ติดต่อทีม VIC เพื่อรับคำปรึกษาฟรี
ผู้เขียนมีประสบการณ์ด้าน SEO และคอนเทนต์มาเก็ตติ้งมากกว่า 6 ปี พร้อมความเข้าใจธุรกิจอุตสาหกรรมพลาสติกจากประสบการณ์ทำงานจริงกว่า 2 ปี ถ่ายทอดเนื้อหาเชิงเทคนิคให้เข้าใจง่ายและตรงใจกลุ่มเป้าหมาย




